12 อาหารที่ไม่ควรกินก่อนนอน เสี่ยงกรดไหลย้อน แถมนอนไม่หลับ !

อาหารต้องห้าม

มากันเป็นแพ็กเกจทำลายสุขภาพเลยทีเดียวค่ะกับอาหารที่ไม่ควรกินก่อนนอนตามรายชื่อดังต่อไปนี้ และไม่ว่าอาหารชนิดนั้น ๆ จะอร่อยแค่ไหน น่ากินยังไง หรืออยากกินหนักมากก็ต้องห้ามใจให้ได้ค่ะ เพราะขืนกินก่อนนอนเข้าไปละก็ โรคกรดไหลย้อน ความอ้วน และอาการนอนไม่หลับจะป่วนคุณยันเช้าเลยก็เป็นได้

ลองมาดูกันค่ะว่า อาหารที่ไม่ควรกินก่อนนอน เนื่องจากอาจเป็นสาเหตุของโรคกรดไหลย้อน มีอาหารอะไรบ้าง

ของทอด

1. อาหารทอด ๆ อาหารไขมันสูง

ไม่ว่าจะเป็นไก่ทอด หมูหัน หมูทอด ไข่เจียว หรืออาหารทอด ๆ ทั้งหลายก็ไม่ควรกินก่อนนอนค่ะ เพราะนอกจากอาหารไขมันสูงจะให้พลังงานสูงแล้ว เมนูเหล่านี้ยังก่อให้เกิดภาวะไขมันสะสมจนน้ำหนักขึ้นได้ (ในกรณีที่กินแต่ไม่ค่อยออกกำลังกาย) ดังนั้นขั้นแรกก็รับไปเลยกับความอ้วน ส่วนอีกข้อเสียคือ อาหารไขมันสูงเป็นอาหารที่ร่างกายต้องใช้เวลาในการย่อยค่อนข้างนาน ซึ่งเท่ากับว่าน้ำย่อยก็ต้องหลั่งออกมาจนกว่าอาหารเหล่านี้จะถูกย่อยไปจนหมด ฉะนั้นหากกินอาหารไขมันสูงก่อนนอน รับรองว่ามีความเสี่ยงโรคกรดไหลย้อนเพิ่มขึ้นแน่นอน

อีกทั้งเมื่อระบบย่อยยังทำงานอยู่ ร่างกายก็จะไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ เวลาที่เรากินอาหารมื้อหนัก ๆ ที่เต็มไปด้วยอาหารไขมันสูง คืนนั้นจึงจะนอนไม่ค่อยหลับ หรือนอนหลับไม่สบาย ฝันร้ายบ้างก็มี

เนื้อสัตว์

2. เนื้อสัตว์ย่อยยาก

หากใครเลือกเมนูสเต๊กหรือปิ้งย่างแบบไม่จำกัดเวลา นั่งยาวไปจนสามสี่ทุ่ม กลับบ้านก็อาบน้ำนอน เชื่อว่าต้องเคยสัมผัสกับความรู้สึกจุกไม่มากก็น้อย เผลอ ๆ นอนอยู่ดี ๆ อาจรู้สึกถึงน้ำย่อยเปรี้ยว ๆ ไหลขึ้นคอมาอีกต่างหาก นั่นก็เป็นเพราะว่า เนื้อสัตว์ย่อยยากเหล่านี้โดยเฉพาะเนื้อวัว เนื้อสันใน เนื้อชิ้นหนา ๆ ในรูปแบบสเต๊ก ร่างกายเราต้องใช้เวลาในการย่อยค่อนข้างนาน น้ำย่อยจำเป็นต้องถูกหลั่งออกมามาก โอกาสที่น้ำย่อยหรือกรดในกระเพาะอาหารจะไหลย้อนกลับไปที่หลอดอาหารจึงมีความเป็นไปได้สูงเลยทีเดียว

3. ไอศกรีม

ดูเป็นอาหารว่างหลังมื้อเย็นที่ใคร ๆ ก็กินกัน โดยหารู้ไม่ว่า ไอศกรีมเป็นของหวานที่ไขมันสูงพอตัวเลยล่ะค่ะ ยิ่งหากใครกินไอศกรีมรสช็อกโกแลต รสกาแฟ มอคค่า หรือกินไอศกรีมกะทิมัน ๆ ก่อนเข้านอนก่อนเพียงไม่กี่ชั่วโมง บอกเลยว่ากระเพาะอาหารยังย่อยไขมันเหล่านี้ไม่หมดเลยจ้า กรดและน้ำย่อยยังคงถูกปล่อยออกมาอยู่ ซึ่งเมื่อล้มตัวลงนอนเมื่อไร กรดและน้ำย่อยอาจไหลย้อนกลับก่อให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกขึ้นมาได้ง่าย ๆ

ช็อกโกแลต

4. ช็อกโกแลต

ช็อกโกแลตเป็นอาหารที่ควรกินยามบ่ายต้น ๆ มากกว่าในมื้อเย็นค่ะ เพราะในช็อกโกแลตหรือแม้แต่โกโก้ที่มีความเข้มข้นสูง ก็แอบแฝงปริมาณคาเฟอีนไว้พอสมควรเลย ยกตัวอย่างเช่น ดาร์กช็อกโกแลต 1 บาร์ ขนาด 1.55 ออนซ์ ก็มีปริมาณคาเฟอีนมากถึง 12 มิลลิกรัม เทียบเท่ากับปริมาณคาเฟอีนในกาแฟถึง 3 แก้ว !

อื้อหือ…ไม่ต้องเดาเลยว่าถ้ากินดาร์กช็อกโกแลตเข้าไปในมื้อเย็น ร่างกายจะคึกคักตื่นตัวขนาดไหน และคาเฟอีนจะกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยเท่าไร แค่คิดก็จุกเสียดท้องขึ้นมาเลย

5. พิซซ่า

ในวันที่ขี้เกียจออกไปไหน หลายคนมักจะฝากท้องไว้กับพิซซ่า เพราะคิดเอาเองว่ากินพิซซ่าก็ได้ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน แถมยังมีผัก มีชีส มีซอส ดูเหมือนจะมีสารอาหารครบดีจริงไหมคะ แต่ทั้งชีส แป้งพิซซ่าซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว และซอสมะเขือเทศซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดในตัวเอง เครื่องปรุงและวัตถุดิบเหล่านี้แหละที่กระเพาะต้องหลั่งน้ำย่อยออกมามาก ๆ เพื่อพยายามย่อยอาหารให้หมด ๆ ไป สุดท้าย กรดที่ถูกหลั่งออกมาย่อยพิซซ่า ก็อาจกลับมาเล่นงานตัวเราเองก็ได้

ส้มตำ

6. เมนูยำ อาหารรสจัด

ถ้าคุณมักจะกินอาหารรสจัด ประเภทยำต่าง ๆ ส้มตำ ต้มยำ ลาบ อาหารที่มีรสจัดทั้งหลาย เมนูดังกล่าวจะกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร อีกทั้งความเผ็ดร้อนของรสชาติอาหารยังอาจทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการระคายเคืองอีกด้วยนะคะ เท่ากับว่านอกจากจะเสี่ยงโรคกรดไหลย้อนแล้ว ยังอาจได้แผลในกระเพาะอาหารแถมมาด้วยแบบที่ไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักคำ !

หอมแดง

7. ผักบางชนิด

เช่น บรอกโคลี กะหล่ำ หัวหอมใหญ่ดิบ กระเทียม พริก พริกไทย สะระแหน่ หอมแดง เปปเปอร์มินต์ รวมไปถึงผักดิบทุกชนิดก็ไม่ควรรับประทานก่อนนอน เนื่องจากผักดิบโดยเฉพาะผักที่เรายกตัวอย่างข้างต้น จัดเป็นผักที่มีกรดและแก๊สมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด เนื่องจากกรดเกินในกระเพาะอาหาร ที่สำคัญหากกินอาหารประเภทนี้แล้วนอนภายใน 2 ชั่วโมง กรดและแก๊สอาจไหลย้อนกลับทำให้เป็นโรคกรดไหลย้อนในที่สุด

สับปะรด

8. ผลไม้บางชนิด

นอกจากผักแล้ว ผลไม้ที่มีกรดมากอย่างส้ม องุ่น มะนาว เลมอน มะเขือเทศ สับปะรด หรือแม้กระทั่งน้ำผลไม้รสเปรี้ยวจัด รวมทั้งซอสมะเขือเทศ ผลไม้เหล่านี้มีกรดเยอะนะคะ ยิ่งในซอสมะเขือเทศที่มักจะเติมน้ำส้มสายชูซึ่งก็เป็นกรดเข้าไปด้วย กรดในกระเพาะอาหารก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนก่อความไม่สบายท้องไส้ นอนหลับกระสับกระส่าย รวมไปถึงมีโอกาสที่กรดเกินในกระเพาะอาหารจะกลายเป็นกรดไหลย้อนให้ทรมานอีกด้วย

น้ำอัดลม

9. น้ำอัดลม

ขึ้นชื่อว่าน้ำอัดลม รสชาติซ่า ๆ ก็บอกให้เรารู้แล้วว่าเครื่องดื่มเหล่านี้มีส่วนผสมของแก๊สเยอะ อันเป็นสาเหตุสำคัญของอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และทำให้ระบบย่อยอาหารของเราปั่นป่วนไปหมด ดังนั้นใครที่ชอบดื่มน้ำอัดลมหลังมื้อเย็นและก่อนเข้านอน เตรียมตัวรับมือกับอาการกรดไหลย้อนไว้บ้างก็ดีนะคะ

กาแฟ

10. ชา กาแฟ

ชา กาแฟ ช็อกโกแลต โกโก้ เครื่องดื่มบำรุงกำลังทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่มีส่วนผสมของคาเฟอีนด้วยกันทั้งนั้น และคาเฟอีนนี่แหละค่ะที่เป็นตัวกระตุ้นการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร ดังนั้นหากคุณติดดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ อย่างโกโก้ร้อน หรือชาร้อน เปลี่ยนมาเป็นนมอุ่น ๆ สักแก้วแทนดีกว่า ร่างกายจะได้ไม่ต้องสู้รบกับคาเฟอีนจนเสี่ยงเกิดกรดเกินในกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน รวมไปถึงอาการนอนไม่หลับเพราะคาเฟอีนกระตุ้นสมองให้ตื่นตัวด้วย

ผลไม้แช่อิ่ม

11. อาหารหมักดอง

อาหารหมักดองอย่างปลาร้า หน่อไม้ดอง ผักกาดดอง ผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม กิมจิ ซูชิบางชนิดที่มีผักดอง ก็มีส่วนเพิ่มแก๊สในกระเพาะอาหาร ก่อให้เกิดอาการจุดเสียดแน่นท้องจากภาวะกรดเกินได้เหมือนกันนะคะ ยิ่งถ้ากินอาหารหมักดองก่อนเข้านอนด้วยแล้ว ท้องไส้คงปั่นป่วนจนนอนหลับได้ไม่สนิทแน่ ๆ และความอันตรายที่แท้ทรูก็คือ อาจจะเสี่ยงเกิดอาการกรดไหลย้อน แสบร้อนกลางอกอีกต่างหาก

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

12. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างสุรา ส่วนมากจะต้องผสมโซดาก่อนดื่ม ซึ่งก็ทำให้แก๊สในกระเพาะเพิ่มขึ้นได้ ส่วนเบียร์ ไวน์ เป็นเครื่องดื่มที่มีทั้งแอลกอฮอล์และมีการบ่ม-หมัก อันทำให้เกิดแก๊สขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดไหน ก็เสี่ยงต่อภาวะกรดเกินในกระเพาะอาหาร เสี่ยงกรดไหลย้อน อีกทั้งแอลกอฮอล์ยังมีผลต่อการเต้นของหัวใจ มีฤทธิ์ขับน้ำ ทำให้ต้องลุกเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ ไม่เป็นอันหลับอันนอนกันเลยทีเดียว

 อย่างไรก็ตาม นอกจากอาหารที่ไม่ควรกินก่อนนอนเหล่านี้แล้ว พฤติกรรมก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงโรคกรดไหลย้อนได้เช่นกัน โดยเฉพาะพฤติกรรมชอบกินแล้วนอนทันที การสูบบุหรี่ การปล่อยให้น้ำหนักตัวเกินหรืออ้วน หรือเป็นคนที่ชอบจัดหนักในมื้อเย็น กินจนเกินอิ่มตลอด ๆ พฤติกรรมดังกล่าวก็เพิ่มความเสี่ยงโรคกรดไหลย้อนได้ค่อนข้างมาก

ฉะนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงทั้งอาหาร 12 ชนิดนี้ รวมทั้งพยายามกินมื้อเย็นก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือหากจำเป็นต้องนอนจริง ๆ ควรนอนในท่าตะแคงซ้าย และนอนหนุนหัวเตียงให้สูงอย่างน้อย 6 นิ้วขึ้นไป โดยให้ไหล่พาดอยู่บนหมอนด้วย กรดจะได้ไม่เอ่อขึ้นมาที่คอ นอกจากนี้ก็ควรงดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ใส่เสื้อผ้าที่รัดรูปจนเกินไป รวมไปถึงควรหมั่นออกกำลังกาย และควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติด้วยนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
livestrong
webmd